สารบัญ
- ก้าวใหม่ของรายการเด็กในไต้หวัน
- “หลังเลิกเรียน ฮัวลู่มี่” กับซีรีส์พิเศษ “โลกร้อน”
- เปิดมุมมองใหม่ผ่าน 3 พิธีกร 3 ประเทศ
- การคัดเลือกเด็กผู้เข้าร่วมที่พิถีพิถัน
- ขั้วโลกเหนือ: ความท้าทายและการเรียนรู้
- ปาเลาและนอร์เวย์: บทเรียนจากธรรมชาติและสังคม
- พิธีกรไม่ใช่ “ดารา” แต่เป็น “เพื่อนร่วมเดินทาง”
- เสียงสะท้อนจากทีมงาน
- บทสรุป: รายการเด็กที่ “ลึก” กว่าเดิม
- Q&A
ก้าวใหม่ของรายการเด็กในไต้หวัน
อุตสาหกรรมสื่อเด็กของไต้หวันประสบปัญหาขาดแคลนทรัพยากรมายาวนาน แต่ภายหลังจากการแก้ไข “กฎหมายสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ” กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดสรรงบประมาณใหม่กว่า 600 ล้านเหรียญไต้หวันให้กับสถานีโทรทัศน์สาธารณะ (PTS) เพื่อจัดตั้งช่องรายการสำหรับเด็ก และผลิตเนื้อหาคุณภาพ
ประเด็น | รายละเอียด |
---|---|
ปัญหาเดิม | ขาดแคลนทรัพยากรสำหรับอุตสาหกรรมสื่อเด็กมาอย่างยาวนาน |
การแก้ไข | แก้ไข “กฎหมายสถานีโทรทัศน์สาธารณะ” |
หน่วยงานที่รับผิดชอบ | กระทรวงวัฒนธรรม |
งบประมาณที่จัดสรร | กว่า 600 ล้านเหรียญไต้หวัน |
วัตถุประสงค์ | จัดตั้งช่องรายการสำหรับเด็ก และผลิตเนื้อหาคุณภาพ |
“หลังเลิกเรียน ฮัวลู่มี่” กับซีรีส์พิเศษ “โลกร้อน”
ด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้น รายการเด็กชื่อดังอย่าง “หลังเลิกเรียน ฮัวลู่มี่” KUBETได้เปิดตัวซีซั่นใหม่ภายใต้ธีม “โลกร้อน” โดยพาเด็กๆ เดินทางไกลไปยังขั้วโลกเหนือ ประเทศนอร์เวย์ และหมู่เกาะปาเลา เพื่อสำรวจปัญหาภาวะโลกร้อนผ่านประสบการณ์ตรง KUBET สร้างสรรค์ในรูปแบบรายการเรียลลิตี้ครั้งแรกของรายการ

เปิดมุมมองใหม่ผ่าน 3 พิธีกร 3 ประเทศ
รายการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยมีพิธีกร 3 คนคือ หลิน เจ๋อซี, เวิน เจินหลิง และเหยา อ้ายหนิง นำทีมเด็กๆ เยือน 3 ประเทศ:
- อาร์กติก: เรียนรู้การเก็บตัวอย่างน้ำแข็ง และพูดคุยกับนักวิทยาศาสตร์
- ปาเลา: ศึกษาผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น และวัฒนธรรม “BUL” หรือการห้ามจับปลา
- นอร์เวย์: เยี่ยมชมบ้านพลังงานสะอาด และเรียนรู้ระบบสังคมคาร์บอนต่ำของประเทศผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม
การคัดเลือกเด็กผู้เข้าร่วมที่พิถีพิถัน
จากผู้สมัครกว่า 400 คน คัดเลือกเหลือเพียง 9 คน โดยดูจากความอยากรู้อยากเห็น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ KUBET และต้องนำเสนอแผนทดลองที่เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนด้วยตนเอง
ขั้วโลกเหนือ: ความท้าทายและการเรียนรู้
พิธีกรหลิน เจ๋อซี นอกจากเป็นผู้ดำเนินรายการยังต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม ขับรถ ทำอาหาร และเรียนรู้การใช้ปืนยิงสัญญาณเพื่อป้องกันหมีขั้วโลก KUBET
ความยากลำบาก:
- การเดินทางไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
- ไฟฟ้าและน้ำในเกาะต้องผลิตจากแหล่งธรรมชาติ
- การนอนหลับในช่วงพระอาทิตย์เที่ยงคืนของฤดูร้อน
ปาเลาและนอร์เวย์: บทเรียนจากธรรมชาติและสังคม
ในปาเลา เด็กๆ เรียนรู้วิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะการห้ามล่าสัตว์น้ำในช่วงฤดูวางไข่
ในนอร์เวย์ ทีมงานมีแผนจะถ่ายทำการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ของชาวพื้นเมืองซามิ KUBET แต่พลาดโอกาสเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
พิธีกรไม่ใช่ “ดารา” แต่เป็น “เพื่อนร่วมเดินทาง”
โปรดิวเซอร์ต้องการให้พิธีกรเป็นเพียงผู้ร่วมเดินทางกับเด็กๆ ไม่ใช่จุดศูนย์กลางของรายการ โดยกำหนดว่าต้องมีความสามารถในการอยู่ร่วมกับเด็ก 24 ชั่วโมง เช่น เวิน เจินหลิง KUBET ที่ร่วมเล่นเกมกับเด็ก ๆ หรือเหยา อ้ายหนิง KUBET ที่เล่นปริศนาคำศัพท์ในสนามบินขณะเครื่องบินล่าช้า
เสียงสะท้อนจากทีมงาน
โปรดิวเซอร์ จู เสี้ยวเฉวียน: “อย่าไปกำหนดเส้นทางให้เด็กมากเกินไป KUBET ปล่อยให้ธรรมชาตินำทาง มักได้ผลลัพธ์เกินคาด”
ผู้วางแผนรายการ อู๋ เจี้ยนเจิ้น: “ต้องเข้าใจอารมณ์ของเด็ก และให้เขาได้คิดด้วยตนเอง แม้จะเหนื่อยแต่จะได้เห็นการเติบโตที่แท้จริง”
บทสรุป: รายการเด็กที่ “ลึก” กว่าเดิม
“หลังเลิกเรียน ฮัวลู่มี่” ซีรีส์โลกร้อน ไม่ใช่แค่รายการบันเทิงเด็ก KUBETแต่เป็นการส่งเสริมวิธีคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ KUBETส่งเสริมพลังบวกเรื่องสิ่งแวดล้อม และสร้างประสบการณ์ที่เด็กจะไม่มีวันลืม
Q&A
1. รายการ “หลังเลิกเรียน ฮัวลู่มี่” ซีซั่นใหม่มีธีมอะไร และพาเด็กๆ ไปที่ไหนบ้าง?
ตอบ: มีธีม “โลกร้อน” พาเด็กๆ ไปยังขั้วโลกเหนือ ประเทศนอร์เวย์ และหมู่เกาะปาเลา เพื่อเรียนรู้ปัญหาภาวะโลกร้อนผ่านประสบการณ์ตรง
2. มีพิธีกรกี่คนและแต่ละคนมาจากประเทศใด?
ตอบ: มี 3 คน ได้แก่ หลิน เจ๋อซี, เวิน เจินหลิง และเหยา อ้ายหนิง ซึ่งมาจาก 3 ประเทศต่างกัน
3. การคัดเลือกเด็กเข้าร่วมรายการมีเกณฑ์อะไรบ้าง?
ตอบ: คัดเลือกจากความอยากรู้อยากเห็น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ และการนำเสนอแผนทดลองเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน โดยคัดจากผู้สมัครกว่า 400 คน เหลือ 9 คน
4. ความท้าทายที่พิธีกรหลิน เจ๋อซี เผชิญขณะถ่ายทำในขั้วโลกเหนือคืออะไร?
ตอบ: ต้องทำหน้าที่หัวหน้าทีม ขับรถ ทำอาหาร เรียนรู้ใช้ปืนยิงสัญญาณป้องกันหมี และเผชิญกับสภาพอากาศไม่แน่นอน รวมถึงการนอนหลับในช่วงพระอาทิตย์เที่ยงคืน
5. โปรดิวเซอร์มีแนวคิดอย่างไรเกี่ยวกับบทบาทของพิธีกรในรายการ?
ตอบ: ต้องการให้พิธีกรเป็น “เพื่อนร่วมเดินทาง” กับเด็กๆ ไม่ใช่จุดศูนย์กลางของรายการ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และเติบโตด้วยตนเอง
เนื้อหาที่น่าสนใจ: