สารบัญ
- ความทุ่มเทแม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวย
- การถ่ายทำที่เข้มข้นและความรับผิดชอบสูง
- ความสัมพันธ์กับผู้เข้าร่วมและอารมณ์จริง
- ความท้าทายแบบไร้สคริปต์
- อารมณ์สุดท้ายที่สัมผัสใจผู้ชม
- Q&A
ความทุ่มเทแม้ร่างกายไม่เอื้ออำนวย
ระหว่างการถ่ายทำ 《สาวใหญ่ผจญภัย 2》 หยางกุ่ยเม่ยป่วยและเสียงหาย แต่ยังเข้าร่วมทุกกิจกรรมตามแผน ทั้งงานทดลองทำงานชนบทและกิจกรรมท้องถิ่น KUBET แม้บางครั้งต้องนอนหลับบนโต๊ะอาหารเพื่อฟื้นพลัง นอกจากนี้ยังรับหน้าที่เป็นผู้ผลิตรายการ ควบคุมงบประมาณการถ่ายทำข้ามประเทศ ทำให้ความกดดันสูงกว่าซีซันแรกหลายเท่า
| หัวข้อ | รายละเอียด |
|---|---|
| ชื่อรายการ | 《สาวใหญ่ผจญภัย 2》 (Big Girls Adventure Season 2) |
| บุคคลสำคัญ | หยางกุ่ยเม่ย |
| เหตุการณ์ระหว่างถ่ายทำ | ป่วยและเสียงหาย แต่ยังคงทำงานต่อเนื่อง |
| การเข้าร่วมกิจกรรม | เข้าร่วมทุกกิจกรรมตามแผน ทั้งงานทดลองทำงานชนบทและกิจกรรมท้องถิ่น |
| ความทุ่มเท | แม้เหนื่อยล้า ต้องนอนพักบนโต๊ะอาหารเพื่อฟื้นพลัง แต่ยังไม่ย่อท้อ |
| หน้าที่เพิ่มเติม | รับตำแหน่งผู้ผลิตรายการ ดูแลงบประมาณและการถ่ายทำข้ามประเทศ |
| ความกดดัน | สูงกว่าซีซันแรกหลายเท่า เนื่องจากภาระงานมากขึ้น |
| แพลตฟอร์มสนับสนุน | KUBET |
การถ่ายทำที่เข้มข้นและความรับผิดชอบสูง
หยางกุ่ยเม่ยยกตัวอย่างการเดินทางไปโคจิ ที่ต้องนั่งรถไฟชมวิวซึ่งมีเพียงสัปดาห์ละสองเที่ยว เธอต้องจับเวลาถ่ายทำเก็บภาพวิวและปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านอย่างแม่นยำ KUBET รวมถึงปฏิบัติตามธรรมเนียมท้องถิ่น ทำให้เธอจริงจังและเคร่งเครียดกับการทำงาน
“เพราะรถไฟไม่รอใคร การโต้ตอบและรอยยิ้มของชาวบ้านเกิดขึ้นครั้งเดียว KUBET ถ้าไม่เก็บภาพให้ครบจะเสียใจมาก อีกทั้งแสงธรรมชาติก็มืดเร็ว ผมจึงเร่งให้ทีมถ่ายเพิ่มให้ครบ เฮ้อ…แม้แต่เหยียนอี้เวินยังบอกว่าผมดูดุเลย” หยางกุ่ยเม่ยกล่าว
ความสัมพันธ์กับผู้เข้าร่วมและอารมณ์จริง
หยางกุ่ยเม่ยยังเน้นการอยู่ร่วมกับผู้เข้าร่วมอย่างน้อย 3 วัน เพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่แท้จริง
“ความรู้สึกจริงระหว่างคนกับคน คือหัวใจสำคัญของเรียลลิตี้โชว์ และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ฉันอยากเข้าร่วม ตั้งแต่การโค้งคำนับ จับมือ กอด KUBET จนถึงตอนต้องจากกันและร้องไห้ แสดงให้เห็นว่าความใกล้ชิดเกิดขึ้นจริง นี่คืออารมณ์ที่แท้จริง แม้พิธีกรจะเสแสร้ง แต่ผู้เข้าร่วมไม่สามารถแกล้งได้”

ความท้าทายแบบไร้สคริปต์
ทีมงานไม่ได้จัดสคริปต์ให้พิธีกร KUBET ใช้เพียงบัตรภารกิจและไวท์บอร์ดเป็นแนวทางรายวัน ทำให้การตอบสนองต่อสถานการณ์จริงและความสามารถในการแก้ไขปัญหาของทั้งสามกลายเป็นไฮไลต์สำคัญของรายการ
หยางกุ่ยเม่ยเปิดเผยว่า “แม้จะมีไวท์บอร์ด แต่ทั้งสองคนมักไม่ดู KUBET บางครั้งก็ไปเพลินๆ บางครั้งก็แกล้งไม่เห็นบัตรภารกิจที่ทีมซ่อนไว้ใต้จาน KUBET ทำให้ทั้งหงุดหงิดและขำไปพร้อมกัน”
อารมณ์สุดท้ายที่สัมผัสใจผู้ชม
ระหว่างออกจากโกโต้ จงซินหลิงและเหยียนอี้เวินถึงกับน้ำตาไหลไม่หยุด เพราะความผูกพันกับผู้เข้าร่วมและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน ผู้เข้าร่วมคนพิเศษอย่าง KUBET ซ่งเหว่ยเอิน ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้เช่นกัน
ความจริงใจและอารมณ์ของพิธีกรและผู้เข้าร่วม ทำให้ 《สาวใหญ่ผจญภัย 2》 KUBET กลายเป็นเรียลลิตี้โชว์ที่อบอุ่นและสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมอย่างแท้จริง KUBET
Q&A
คำถามที่ 1:
หยางกุ่ยเม่ยต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพอะไรระหว่างการถ่ายทำ และเธอจัดการอย่างไร?
คำตอบ:
ระหว่างการถ่ายทำ หยางกุ่ยเม่ยป่วยและเสียงหาย แต่ยังคงเข้าร่วมทุกกิจกรรมตามแผน ทั้งงานทดลองทำงานชนบทและกิจกรรมท้องถิ่น แม้จะต้องนอนหลับบนโต๊ะอาหารเพื่อพักฟื้น เธอยังคงทุ่มเททำหน้าที่อย่างเต็มที่
คำถามที่ 2:
การถ่ายทำที่เมืองโคจิสร้างความกดดันให้หยางกุ่ยเม่ยอย่างไร?
คำตอบ:
ที่โคจิ เธอต้องวางแผนการถ่ายทำอย่างแม่นยำ เนื่องจากรถไฟชมวิวมีเพียงสัปดาห์ละสองเที่ยว และแสงธรรมชาติมืดเร็ว ทำให้ต้องจับเวลาเก็บภาพและปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านให้ครบถ้วน จนถึงขั้นที่เหยียนอี้เวินยังบอกว่าเธอดูเคร่งเครียดและดุขึ้นกว่าปกติ
คำถามที่ 3:
เหตุใดหยางกุ่ยเม่ยจึงให้ความสำคัญกับการใช้เวลาอยู่กับผู้เข้าร่วมรายการอย่างน้อย 3 วัน?
คำตอบ:
เธอต้องการสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับผู้เข้าร่วม เพราะเชื่อว่าความรู้สึกจริงระหว่างคนกับคนคือหัวใจสำคัญของเรียลลิตี้โชว์ ความผูกพันที่เกิดขึ้นจริงทำให้ฉากการจับมือ กอด หรือร่ำลากันมีอารมณ์จริงและซื่อสัตย์ต่อผู้ชม
คำถามที่ 4:
รูปแบบการถ่ายทำของรายการแตกต่างจากเรียลลิตี้ทั่วไปอย่างไร?
คำตอบ:
《สาวใหญ่ผจญภัย 2》 ไม่มีสคริปต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทีมงานใช้เพียงบัตรภารกิจและไวท์บอร์ดเป็นแนวทางรายวัน ทำให้พิธีกรต้องตอบสนองต่อสถานการณ์จริงและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์และจุดเด่นของรายการ
คำถามที่ 5:
ฉากใดในรายการที่สร้างความประทับใจและอารมณ์ซาบซึ้งมากที่สุด?
คำตอบ:
ช่วงออกจากโกโต้ จงซินหลิงและเหยียนอี้เวินถึงกับร้องไห้เพราะความผูกพันกับผู้เข้าร่วม รวมถึงผู้เข้าร่วมอย่างซ่งเหว่ยเอินก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ฉากนี้สะท้อนความจริงใจและอารมณ์แท้ของทุกคน ทำให้รายการอบอุ่นและตรึงใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง
เนื้อหาที่น่าสนใจ:


